Archive | พฤศจิกายน 2014

โยธาชีววรรค [๑๘๔] : ความสะดุ้งต่อความตาย

ความสะดุ้งต่อความตาย
จากโยธาชีววรรคที่ ๔ [ในอังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต จตุตถปัณณาสก์]
………………………………………………………………………………….

 

[๑๘๔] ครั้งนั้นแล พราหมณ์ชื่อชานุโสณีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพเจ้ามีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า

๐ สัตว์ผู้มีความตายเป็นธรรมดา ย่อมไม่กลัว ไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย ไม่มี ฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์

๐ สัตว์ผู้มีความตายเป็นธรรมดาย่อมกลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตาย มีอยู่

๐ สัตว์ผู้มีความตายเป็นธรรมดา ไม่กลัว ไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย มีอยู่

………………………………………………………………………………….

ดูกรพราหมณ์ ก็สัตว์ผู้มีความตายเป็นธรรมดา ย่อมกลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตายเป็นไฉน

๐๐๐ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้

๐ ยังไม่ปราศจากความกำหนัด
๐ ยังไม่ปราศจากความพอใจ
๐ ยังไม่ปราศจากความรัก
๐ ยังไม่ปราศจากความกระหาย
๐ ยังไม่ปราศจากความเร่าร้อน
๐ ยังไม่ปราศจากความทะยานอยากในกามทั้งหลาย

มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องเขา เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องแล้ว ย่อมมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า กามอันเป็นที่รักจักละเราไปเสียละหนอ และเราก็จะต้องละกามอันเป็นที่รักไป เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมลำบากใจ ย่อมร่ำไร ทุบอกคร่ำครวญถึงความหลงใหล ดูกรพราหมณ์ บุคคลนี้แล ผู้มีความตายเป็นธรรมดา ย่อมกลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตาย ฯ

๐๐๐ อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้

๐ ยังไม่ปราศจากความกำหนัด
๐ ยังไม่ปราศจากความพอใจ
๐ ยังไม่ปราศจากความรัก
๐ ยังไม่ปราศจากความกระหาย
๐ ยังไม่ปราศจากความเร่าร้อน
๐ ยังไม่ปราศจากความทะยานอยากในกาย

มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องเขา เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องแล้ว ย่อมมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า กายอันเป็นที่รักจักละเราไปละหนอ และเราก็จักละกายอันเป็นที่รักไป เขาย่อมเศร้าโศก…ดูกรพราหมณ์แม้บุคคลนี้แล ผู้มีความตายเป็นธรรมดา ย่อมกลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตาย ฯ

๐๐๐ อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้

๐ ไม่ได้ทำความดีไว้ ไม่ได้ทำกุศลไว้
๐ ไม่ได้ทำความป้องกันความกลัวไว้
๐ ทำแต่บาป ทำแต่กรรมที่หยาบช้า
๐ ทำแต่กรรมที่เศร้าหมอง

มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องเขา เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องแล้ว ย่อมมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า เราไม่ได้ทำความดีไว้ ไม่ได้ทำกุศลไว้ ไม่ได้ทำความป้องกันความกลัวไว้ ทำแต่บาปทำแต่กรรมที่หยาบช้า ทำแต่กรรมที่เศร้าหมอง

ดูกรผู้เจริญ คติของคนไม่ได้ทำความดี ไม่ได้ทำกุศล ไม่ได้ทำความป้องกันความกลัว ทำแต่บาป ทำแต่กรรมที่หยาบช้า ทำแต่กรรมที่เศร้าหมอง มีประมาณเท่าใด เราละไปแล้วย่อมไปสู่คตินั้น เขาย่อมเศร้าโศก… ดูกรพราหมณ์ แม้บุคคลนี้แล ผู้มีความตายเป็นธรรมดา ย่อมกลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตาย ฯ

๐๐๐ อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้

๐ มีความสงสัยเคลือบแคลงไม่ถึงความตกลงใจในพระสัทธรรม

มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องเขาเมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องแล้ว ย่อมมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า เรามีความสงสัยเคลือบแคลง ไม่ถึงความตกลงใจในพระสัทธรรม เขาย่อมเศร้าโศก…ดูกรพราหมณ์ แม้บุคคลนี้แล มีความตายเป็นธรรมดา ย่อมกลัว ถึงความ สะดุ้งต่อความตาย

ดูกรพราหมณ์ บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีความตายเป็นธรรมดาย่อมกลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตาย ฯ

………………………………………………………………………………….

ดูกรพราหมณ์ บุคคลมีความตายเป็นธรรมดา ย่อมไม่กลัว ไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย เป็นไฉน

๐๐๐ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้

๐ ปราศจากความกำหนัด
๐ ปราศจากความพอใจ
๐ ปราศจากความรัก
๐ ปราศจากความกระหาย
๐ ปราศจากความเร่าร้อน
๐ ปราศจากความทะยานอยากในกามทั้งหลาย

มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องเขา เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องแล้ว ย่อมไม่มีความปริวิตกอย่างนี้ว่า กามทั้งหลายอันเป็นที่รักจักละเราไปเสียละหนอ และเราก็จักละกามอันเป็นที่รักไป เขาย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหล ดูกรพราหมณ์ บุคคลนี้แล ผู้มีความตายเป็นธรรมดา ย่อมไม่กลัว ไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย ฯ

๐๐๐ อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้

๐ ปราศจากความกำหนัด
๐ ปราศจากความพอใจ
๐ ปราศจากความรัก
๐ ปราศจากความกระหาย
๐ ปราศจากความเร่าร้อน
๐ ปราศจากความทะยานอยากในกาย

มีโรคหนักอย่างหนึ่งถูกต้องเขา เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องแล้ว ย่อมไม่มีปริวิตกอย่างนี้ว่า กายอันเป็นที่รักจักละเราไปละหนอ และเราก็จักละกายอันเป็นที่รักนี้ไป เขาย่อมไม่เศร้าโศก…ดูกรพราหมณ์ บุคคลแม้นี้แล มีความตายเป็นธรรมดา ย่อมไม่กลัว ย่อมไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย ฯ

๐๐๐ อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้

๐ ไม่ได้กระทำบาป
๐ ไม่ได้ทำกรรมที่หยาบช้า
๐ ไม่ได้ทำกรรมที่เศร้าหมอง
๐ เป็นผู้ทำความดีไว้ ทำกุศลไว้
๐ ทำกรรมเครื่องป้องกันความกลัวไว้

มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องเขา เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องแล้ว ย่อมมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า เราไม่ได้ทำกรรมอันเป็นบาป ไม่ได้ทำกรรมหยาบช้า ไม่ได้ทำกรรมที่เศร้าหมองเป็นผู้ทำกรรมดีไว้ ทำกุศลไว้ ทำกรรมเครื่องป้องกันความกลัวไว้ คติของบุคคลผู้ไม่ได้ทำบาปไว้ ไม่ได้ทำกรรมหยาบช้า ไม่ได้ทำกรรมที่เศร้าหมอง ทำกรรมดีไว้ ทำกุศลไว้ ทำกรรมเครื่องป้องกันความกลัวไว้เพียงใด เราละไปแล้วจักไปสู่คตินั้น เขาย่อมไม่เศร้าโศก… ดูกรพราหมณ์ แม้บุคคลนั้นแล มีความตายเป็นธรรมดา ย่อมไม่กลัว ย่อมไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย ฯ

๐๐๐ อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้

๐ ไม่มีความสงสัย ไม่มีความเคลือบแคลง ถึงความตกลงใจในพระสัทธรรม

มีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องเขา เมื่อเขามีโรคหนักอย่างใดอย่างหนึ่งถูกต้องแล้ว ย่อมมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า เราไม่มีความสงสัย ไม่มีความเคลือบแคลง ถึงความตกลงใจในพระสัทธรรม เขาย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ลำบากใจ ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหล ดูกรพราหมณ์ แม้บุคคลนี้แล มีความตายเป็นธรรมดา ย่อมไม่กลัว ย่อมไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย

ดูกรพราหมณ์ บุคคล ๔ จำพวกนี้แลมีความตายเป็นธรรมดา ย่อมไม่กลัว ย่อมไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตาย ฯ

………………………………………………………………………………….

พราหมณ์ชานุโสณีได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ ขอท่านพระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐